ความปรารถนาในที่อื่น

สำหรับคนที่พลาดการสนทนา “การเดินทางของจิตวิญญาณ” เมื่อวานนี้ครับ

ชีวิตคือโรงพยาบาล ที่คนไข้แต่ละรายปรารถนาที่จะเปลี่ยนเตียง

รายหนึ่งต้องการที่จะอยู่หน้าเตาผิง ส่วนอีกรายก็เชื่อว่า เขาจะอาการดีขึ้นเมื่อได้อยู่ใกล้หน้าต่าง

ดูเหมือนผมมักจะเชื่อมั่นเสมอว่า จะรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม หากได้อยู่ในสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่ที่เป็นอยู่

และคำถามว่าควรจะอยู่ที่แห่งหนไหน เป็นคำถามที่ผมถกเถียงกับจิตวิญญาณของตัวเองอยู่เสมอมา

“ขอถามเจ้าหน่อย…จิตวิญญาณอันเย็นชาผู้น่าสงสาร” แกไม่สนใจที่จะไปพำนักอาศัยที่กรุงลิสบอนหรอกหรือ? ที่นั่นอากาศอบอุ่น และจะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนกิ้งก่าได้ผิงแดด เมืองซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล และกล่าวกันว่าสร้างขึ้นด้วยหินอ่อน ชาวเมืองไม่ชื่นชอบพืชพรรณ พวกเขาถอนมันทิ้งเสียสิ้น บางทีทัศนียภาพของดวงไฟที่สะท้อนท้องน้ำ น่าจะเป็นสิ่งที่แกชื่นชม

ไม่มีคำตอบกลับมา

หรือหากว่าแกชื่นชอบการอยู่นิ่งๆ เพื่อชื่นชมความเคลื่อนไหว บนผืนแผ่นดินอันงดงามก็น่าจะเลือกฮอลแลนด์ บางทีจะได้ค้นพบความรื่นรมย์จากรูปภาพนานาที่เจ้าชื่นชอบในเมืองแห่งพิพิธภัณฑ์

หรืออาจจะเป็นเมืองรอตเตอร์ดัม เมืองแห่งเสากระโดงเรือ และเรือที่จอดเทียบท่าอยู่ที่เชิงบันใดหน้าบ้าน

ยังคงเงียบงัน ไร้คำตอบ

หรือจะเป็นปัตตาเวีย สถานที่ซึ่งจิตวิญญาณแห่งยุโรปสมรสรักกับความงดงามของเขตร้อน

ยังคงเงียบงัน ไร้ถ้อยคำ

หรือว่าแกได้บรรลุถึงความเฉื่อยเนือย และมีความสุขอยู่ในความเจ็บปวดไปเสียแล้ว? ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้เราหลีกหนีไปเสียยังดินแดนที่พอจะเทียบเคียงกับความตาย ให้เราเก็บข้าวของมุ่งหน้าไปยัง ตอนิโอ หรือไปให้ไกลกว่านั้นที่ปลายสุดของทะเลบอลติก หรือหากเป็นไปได้ เลยไปให้ไกลกว่าชีวิต พำนักอาศัยอยู่เสียที่ขั้วโลก ณ ที่ซึ่งดวงอาทิตย์ค่อยๆเบี่ยงแสงลง เปลี่ยนเป็นยามค่ำคืนกวาดลบความหลากหลายทิ้งไป พร้อมกับค่อยๆเพิ่มพูนความซ้ำซากจำเจซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของความเปล่าดาย

ณ ที่แห่งนี้ เราจักได้เอิบอาบกับความมืดมิดอันเนิ่นช้าและรื่นรมย์กับแสงเหนือ ที่เปล่งแสงสีกุหลาบบนฟากฟ้าอยู่เป็นนิตย์ เสมือนหนึ่งเป็นแสงสะท้อนของดอกไม้ไฟจากขุมนรก

ในที่สุด จิตวิญญาณอันเฉยชาก็ระเบิดคำตอบอันชาญฉลาดให้แก่ผมว่า

ที่ไหนก็ได้ ที่ไหนก็ตามที ที่มิใช่ในโลกใบนี้

ชาร์ล โบดแลร์
Anywhere out of this world / N’importe où hors du monde, 1962