สรกล อดุลยานนท์: หนุ่มเมืองจันท์
สรกล อดุลยานนท์
กรรมการบริหาร บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
คอลัมนิสต์มติชนสุดสัปดาห์, กรุงเทพธุรกิจ นามปากกา “หนุ่มเมืองจันท์”
สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาบัณฑิต ปีการศึกษา 2527
สัมภาษณ์ “หนุ่มเมืองจันท์” ในรายการศิลป์สโมสร (Thai PBS) ตอน เศรษฐศาสตร์ชั่งกิโลฯ
บทสัมภาษณ์จาก เว็บไซต์ http://socant.igetweb.com/index.php?mo=14&newsid=70058
พี่ตุ้ม สวัสดีครับพี่
สวัสดีครับ ชื่อ สรกล อดุลยานนท์ รหัส 24 ส่วนรุ่นจำไม่ได้ครับ แต่ถ้าเทียบกับปี 1 ปีนี้ ต้องเรียกว่า “รุ่นพ่อ” เพราะตอนที่ผมเข้าเรียนปี 1 เขายังไม่เกิดเลย เอ๊ะ หรือมีใครแอบเกิดแล้ว
เดือนก่อนผมเพิ่งจะสัมภาษณ์พี่แต๋มมา พี่เค้าก็บอกว่าพี่ก็อยู่รุ่นเดียวกัน
เพื่อนผมนอกจาก “แต๋ม”ศุภจี ที่มีตำแหน่งใหญ่โตมโหฬารอยู่ที่ไอบีเอ็มแล้ว ก็มี “ต๋อย”ประณต วิเลปสุวรรณ คนนี้เคยเป็นบก.ข่าวที่ฐานเศรษฐกิจ ก่อนจะย้ายไปอยู่เนชั่นทีวี ผมถือว่าเป็นโชคดีของ “กนก-ธีระ”ที่ “ต๋อย”เลือกทำงานเบื้องหลัง เพราะถ้ามันเลือกทำงานเบื้องหน้าตั้งแต่แรก คนดูจะไม่มีทางเห็นหน้า “กนก-ธีระ”เลย คือ”ต๋อย”มันสูงเกือบ 190 เซ็น ถ้าอยู่เบื้องหน้า มันจะบัง “กนก-ธีระ”มิด อีกคนเป็นเจ้าของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง “สุพจน์ ธีระวัฒนชัย” คนนี้เคยเป็นประธานชมรมศิลปะการแสดงมาก่อน ดังนั้น อย่าแปลกใจที่โรงเบียร์ฯจะมีการแสดงแปลกๆเยอะมาก เพื่อนอีกคนหนึ่งชิ่อ “ธวัชชัย ชัยวัฒน์”ได้ดิบได้ดีอยู่ที่พัทยา มันฝากบอกน้องๆด้วยว่าถ้าใครไปพัทยาแล้วไม่มีที่พักให้ติดต่อเขาได้“วัช”เป็นผู้บัญชาการเรือนจำที่พัทยา
จะนอนเดี่ยว นอนคู่ เพื่อนผมจัดให้ได้ ขอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ขืนแนะนำหมด เพื่อนผมที่อนาคตเหลือน้อย จะไม่มีอนาคตเหลืออยู่เลย
มีเรื่องฮา ๆ มั่งมั้ยครับ
เป็นปกติธรรมดาของหมู่เพื่อน เรามักไม่ค่อยจำเรื่องดีๆของเพื่อน แต่จะจำเรื่องไม่ดี หรือเรื่องหน้าแตกของเพื่อนมากกว่า รุ่นผมเป็นรุ่นที่รักเพื่อน เป็นรุ่นที่มีสปิริตดีมาก อย่างครั้งหนึ่งไปเที่ยวบ้านเพื่อน เพื่อนคนนี้มีบ้านพักชายทะเล ไปทะเลก็ต้องกินน้ำมะพร้าวถึงจะได้บรรยากาศ ใช่ไหม?? คนหนึ่งก็ไปซื้อมะพร้าวน้ำหอม ส่วนพวกเรากำลังนั่งเล่นกันอยู่ มันก็ยื่นมะพร้าวมาให้บอกว่าหวานมาก คนแรกดูดปั๊บ ก็บอกว่าเฮ้ยอร่อย คนที่สองรีบแย่งมาดูดตาม แล้วทำตัวเป็นหมอกฤษณ์…คอนเฟิร์ม หวานมาก ไล่กันไปเรื่อยๆ จนถึงคนสุดท้าย มันดูดได้นิดเดียวก็ตะโกนด่า “น้ำทะเลนี่หว่า” ทุกคนที่อดกลั้นมานานก็ระเบิดหัวเราะออกมาแบบเค็มๆ คือ แต่ละคนรักเพื่อนมาก ไม่ยอมให้เพื่อนคนท้ายๆรอดตัวไป ไหนๆจะเค็ม แล้วก็ต้องเค็ด้วยกัน
ไม่มีการส่งซิกแนลกันล่วงหน้า ทุกคนทำท่า”อร่อย”อย่างเป็นธรรมชาติมาก
ได้ข่าวว่าพี่เรียนเก่งมากเลย 4 ปีซัมเมอร์ คืออะไรครับ
ขอโทษ ข้อมูลตกหล่นไปหน่อย 4 ปีซัมเมอร์ และ 2.06 ด้วย เคยเล่นฟุตบอลไหม ที่พอหมดเวลา 90 นาทีแล้วมีทดเวลาบาดเจ็บ นั่นแหละ 4 ปีซัมเมอร์ คือ การเรียนแบบทดเวลาบาดเจ็บ ครบ 4 ปีแล้วยังเก็บไม่หมด ขอแถมซัมเมอร์อีกตัว จึงจบ ส่วน 2.06 ถือเป็นกิจกรรมบนเส้นด้ายของผม ตื่นเต้นดีครับ…ไม่เชื่อ น้องๆลองดูได้ ทุกครั้งที่ผมไปพูดที่มหาวิทยาลัย ผมจะเล่าเรื่องนี้ให้น้องๆฟัง เพื่อให้เขามีกำลังใจ โธ่ 2.06 และ 4 ปีซัมเมอร์ ยังเอาตัวรอดได้ถึงขนาดนี้ น้องๆที่ได้เกรดเกิน 2.06 ให้สบายใจได้ รุ่นผม ที่ธรรมศาสตร์มี 8 คณะ สังคมวิทยาเป็นคณะสุดท้าย ถ้ารับปริญญา แล้วไล่เรียงตามเกรดไม่ใช่ตัวอักษร ผมจะเป็นคนได้รับเสียงปรบมือดังที่สุด เพราะจะต้องรับเป็นคนสุดท้าย 555
พี่เรียนจบแล้วได้ต่อ ป.โท หรือเปล่าครับ
เฮ้ย นี่เป็นคำถามแบบจริงใจ หรือการประชดประชัน โธ่…ปริญญาตรียัง 4 ปีซัมเมอร์เลย น้องๆน่าจะสงสารอาจารย์ที่สอนปริญญาโทบ้าง จะให้เขาทนทุกข์ทรมานอีกหรือ ผมไม่ได้เรียนต่อเลยครับ มีแต่หลักสูตรสั้นๆ อย่าง”มินิเอ็มบีเอ” หลายปีก่อน มติชน ร่วมกับบัญชี ธรรมศาสตร์ ไปเปิดหลักสูตรมินิเอ็มบีเอ สำหรับผู้บริหารมติชนกับผู้บริหารภาคเอกชนอื่นๆ เรียนกันที่มติชน แค่ขึ้นลิฟท์จากชั้น 5 ไปชั้น 9 ไม่มีข้ออ้างในการโดดเรียนเลย ผมเป็นคนที่ไม่ถือเรื่องปริญญาหรือเกรดเป็นเรื่องสำคัญ ฟังเหมือนคิดนอกกรอบ เป็นกบฏนิดๆ แต่จริงๆเป็นข้อแก้ตัวเรื่องขี้เกียจเรียนที่ทำให้เราดูดีขึ้นหน่อย แต่ถึงผมจะได้เกรด 2.06 แต่ก็ได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษให้นักศึกษาปริญญาโทฟังมาแล้วนะ.สงสารนักศึกษากลุ่มนี้จริงๆ คิดดู ชื่อมหาวิทยาลัยผมยังไม่กล้าบอกเลย กลัวเขาเสียหาย
แล้วพี่เข้ามาทำงานที่มติชนได้ยังไงครับ
จบมาก็ทำงานที่มติชน และไม่เคยย้ายไปที่ไหนเลย ทำงานมานาน 20 กว่าปีแล้ว เริ่มจากเป็นนักข่าว”ประชาชาติธุรกิจ” เปลี่ยนหน่วยงานไปเรื่อยๆ เคยเป็นบรรณาธิการบริหารประชาชาติธุรกิจ บรรณาธิการบริหารมติชน ผู้จัดการสำนักพิมพ์ ผู้จัดการศูนย์ข้อมูล รองผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณา และตำแหน่งปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารบริษัทมติชน และรองบรรณาธิการบริหารมติชนสุดสัปดาห์ ผมย้ายหน่วยงานบ่อยมาก น่าจะมากที่สุดในมติชน ย้ายจนตอนนี้ไม่เคยกลัวงานใหม่ที่ไม่เคยทำเลย เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ทำให้ผมสอนน้องๆที่มาปรึกษาเรื่องงาน อย่ากลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ ให้ทดลองทำก่อนแล้วค่อยสรุปว่าใช่ หรือไม่ใช่ ที่มาของ “หนุ่มเมืองจันท์” พี่เสถียร จันทิมาธร บรรณาธิการบริหารมติชนสุดสัปดาห์ บอกให้ผมเขียนคอลัมน์ประจำเกี่ยวกับธุรกิจ ให้เขียนแบบเข้าใจง่ายๆ ผมก็เลยตั้งชื่อคอลัมน์ว่า “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” พี่เถียรถามว่า “แล้วใช้นามปากกาอะไร” ผมก็งง ไม่คิดว่าชีวิตนี้ต้องมีนามปากกา เหลือบมองพื้นที่คอลัมน์ในดัมมี่หนังสือ เห็นคอลัมน์ข้างๆชื่อ “แวะห้องโฆษณา” คนเขียนใช้นามปากกาว่า “สาวระยอง” อ้าว…สาวระยองก็ต้องเจอ “หนุ่มเมืองจันท์”นะสิ ถือเป็นนามปากกาสิ้นคิดนามปากกาหนึ่ง ที่บอกว่าสิ้นคิด เพราะนอกจากไร้ที่มาที่ไปอย่างสร้างสรรค์แล้ว ยังลืมไปว่านามปากกานี้มันผูกติดกับเราไปตลอด ลืมไปว่าโลกหมุนทุกวัน อายุเปลี่ยนไปทุกปี นึกถึงตอนอายุ 60 แล้วยังใช้นามปากกานี้สิ มันฟังดู “ตัณหากลับ”ยังไง ไม่รู้
พี่เริ่มชอบงานเขียนตั้งแต่สมัยเรียนเลยหรือเปล่า และพี่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ยังไง
ผมไม่เคยนึกฝันว่าจะเป็นนักเขียน เป็นคนทำงานตามความจำเป็น ทำงานนักข่าวก็ต้องเขียน พอเขียนก็พยายามเขียนให้ดีที่สุด ส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะสั่งสมเรื่องการอ่านมาตั้งแต่เด็ก มันก็ซึมซับอยู่ข้างในโดยไม่รู้ตัว และเป็นคนติดตามข่าวสารบ้านเมือง อ่านหนังสือพิมพ์เป็นประจำตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว การทำกิจกรรมก็ช่วยให้จับประเด็นได้เร็ว พอเขียนไปนานๆ การสังเกตและเรียนรู้จากคนอื่นไปเรื่อยๆก็จะช่วยให้งานเขียนเราพัฒนาขึ้น สรุปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นนักเขียน ใครรู้ช่วยตอบแทนด้วย
ตอนนี้พี่เขียนคอลัมน์อะไรบ้างครับ เผื่อพี่น้องเราจะได้ตามอ่าน
มีคอลัมน์ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ในมติชนสุดสัปดาห์ และมีบทความพิเศษอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ลงชื่อ
มีคอลัมน์ “MARKET THINK” ใน “ประชาชาติธุรกิจ” ฉบับวันเสาร์ เขียนหน้า 4 มติชนรายวัน 1 วัน
มีพ็อตเก็ตบุ้ค ชุด “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ” 12 เล่ม เล่มล่าสุดชื่อ “ไม่ตั้งใจแต่ทำไมจึงสุข”ใช้นามปากกา “หนุ่มเมืองจันท์” และมีหนังสือเกี่ยวกับประวัติบุคคล ใช้ชื่อจริงอีก 5 เล่ม ล่าสุดคือ “ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน” เป็นประวัติ “ตัน โออิชิ”
เมื่อวันเสาร์ผมได้ฟังพี่จัดรายการวิทยุด้วยนะ
อ๋อ เป็นของเล่นใหม่ครับ ชื่อรายการ “คุยเล่นเป็นข่าว”จัดคู่กับคุณสายสวรรค์ ขยันยิ่ง วันเสาร์เวลา 10.00-12.00 น. คลื่นความคิด 96.5 คือ นิสัยของผมผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง ครั้งก่อนมีคนชวนไปทำรายการโทรทัศน์ ก็ไป พอลองเล่น รู้แล้วว่าเป็นอย่างไรก็พอแล้ว ตอนนี้มีคนชวนอีก แต่ก็ปฏิเสธ เพราะรู้สึกว่ารู้แล้ว และยังไม่สนุกที่จะทำต่อ ส่วนงานวิทยุ มีคนชวนหลายครั้งแล้ว แต่ปฏิเสธไป เพราะเวลาที่ชวนตรงกับเวลาทำงานประจำ แต่ครั้งนี้เป็นช่วงวันหยุด พอชวนอีกก็เลยลองดู อยากรู้มานานแล้วว่าทำรายการวิทยุเป็นอย่างไร โหย…ง่ายกว่าทีวีเยอะเลย พูดไปกินไปก็ได้ เพราะไม่มีกล้อง แค่ระวังไม่ให้สำลักเท่านั้นพอ
น้องที่กำลังจะจบใหม่ฝากถามมาว่า จะทำยังไงดีกลัวตกงาน กลัวสมัครงานไม่ได้
เริ่มต้น คือ 1.อย่ากลัว 2.อย่าเลือกมาก ชีวิตวัยนี้ลองผิดลองถูกได้อีกเยอะ ถ้าไม่มีปัญหาที่ต้องช่วยรับผิดชอบกับครอบครัวมาก ให้เริ่มต้นทำในสิ่งที่เราอยากทำ พ.ศ.นี้ ด้วยเทคโนโลยี ด้วยค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป เราสามารถทำในสิ่งที่เราอยากทำได้ได้เยอะมาก ขอเพียงแต่อย่าหวังสูง และอย่าคิดว่าจะต้องสำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว แค่คิดว่าเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำเป็นลำดับแรก จากนั้นเราค่อยไล่ล่าหาความสำเร็จทีหลัง ที่สำคัญ อย่าเกี่ยงงาน หรืออย่าดูถูกงาน ถ้าได้ทำในสิ่งที่รักก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าเลือกมาก ลองทำดูก่อน บางทีอาจจะรักมัน เหมือนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักข่าวหรือนักเขียน แต่พอทำแล้วก็ชอบ นอกจากนั้นอย่าเกี่ยงว่างานหนักหรือเบา เพราะไม่ว่าหนักหรือเบา มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ “ประสบการณ์”และ “บทเรียน” เส้นทางชีวิตนั้นอีกยาวไกล อย่าตัดสินคนอื่นหรือตัวเราเพียงแค่ “จุดเริ่มต้น” จุดเริ่มต้นไม่ใช่คำตอบว่าสุดท้ายจะจบลงด้วยความสำเร็จ การเริ่มต้นดี ไม่ใช่ว่าสุดท้ายจะดี ที่ผมเขียนประวัติ “ตัน โออิชิ” ก็ด้วยเหตุผลว่าเขาเป็นคนๆหนึ่งที่ทำให้คนหนุ่มสาว หมดข้ออ้างเสียที
เพราะจุดเริ่มต้นของ “ตัน” นั้นถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานของคนทั่วไป เขาจบ ม.ศ.3 หรือ ม.4 ในปัจจุบัน ทำงานครั้งแรกตอนอายุ 17 ปี ทำงานเป็นพนักงานสโตร์ มีหน้าที่ยกของขึ้นไปเก็บชั้นบน เงินเดือนครั้งแรก 700 บาท ทำธุรกิจส่วนตัวตอนอายุ 21 ปี ด้วยเงินที่ยืมจากพ่อและพี่สาว 30,000 บาท ธุรกิจแรกของ “ตัน” คือ แผงขายหนังสือพิมพ์ที่เมืองชล จุดเริ่มต้นของเขา สู้เราไม่ได้หรอกครับ ไม่เชื่อลองอ่าน “ชีวิตนี้ไม่ทางตัน”ดูสิครับ ถือโอกาสขายหนังสือเสียเลย
พี่ได้รับคะแนนโหวตให้ผมตามตัวมาสัมภาษณ์ให้ได้เลยนะครับ ถึงบรรทัดนี้ ผมคิดว่าคนที่โหวตอาจรู้ตัวแล้วว่าไม่ควรเล้ย
ไม่เป็นไรครับ คนเรามีโอกาสคิดผิดได้ ผมเข้าใจดี 5555