ปารีสหน้าร้อน: มุมมองจากหลังอาน (1)






….

หน้าร้อนที่ผ่านมา ขณะที่ผมเริ่มจืดจางกับเสน่ห์ของเมืองปารีส ก็มีเหตุให้เจอความรื่นรมย์อีกแบบ ก็คือการขี่จักรยาน และได้ค้นพบว่า การดื่มด่ำปารีสจากข้างถนนกับกลางถนน/การมีชีวิตที่เคลื่อนที่โดยรถไฟใต้ดินกับการการมีชีวิตเคลื่อนที่ตามอำเภอใจบนอานจักรยานนั้นแตกต่างกันไกลลิบ ปารีสช่างเป็นเมืองที่ควรค่าแก่การสำรวจด้วยจักรยานเสียจริง จักรยานทำให้ได้เห็นปารีสมุมอื่นๆ และในแห่งหนที่ไม่คิดจะเดินไปสำรวจ จักรยานเหมาะกับคนที่ไม่มีความสามารถในการกำหนดจดจำทิศทางแต่ชอบเที่ยวดูนั่นดูนี่ (อย่างผม) เพราะก็แค่ขี่ลัดเลาะไปเรื่อยๆตามเลนจักรยานที่เขาเตรียมไว้ให้ (แต่ละเส้นทางมีทัศนียภาพที่ดีทั้งนั้น) หากหลงทิศก็วกกลับขี่สวนทางบนทางเท้าเสียก็ได้ หากหลงหรือเปลี่ยนใจคิดว่าเส้นทางโน้นดีกว่าก็อาจจะลงจูงข้ามทางม้าลายก็ย่อมได้

หลังจากใช้เวลาใคร่ครวญถึงข้อวิเศษนานาประการของการหันมาขี่จักรยานแทนการขึ้นรถไฟใต้ดินสักพักหนึ่งแล้ว (เหตุผลของการมัธยัสถ์ก็เป็นประการหนึ่ง…เพราะเท่ากับว่าไม่ต้องซื้อตั๋วรถเป็นเดือนเหมือนเคย ราคารถจักรยานถูกกว่าราคาตั๋วรถไฟใต้ดินสองเดือนเสียด้วยซ้ำคือ ๙๐ ยูโร จะขี่จักรยานไปอ่านหนังสือตามห้องสมุดต่างๆ ขี่ไปหาที่กินอาหารราคาถูก จะออกไปซื้อของหรือขี่จากปารีสมาหอพัก ซึ่งใช้เวลา ๔๕ นาที ก็ดูจะเป็นการช่วยประหยัดเงินไปทั้งนั้น) และด้วยผลดีนานาประการ ผมก็ลงทุนซื้อจักรยานใหม่เอี่ยมหนึ่งคัน

…..โอ…ปารีสเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ

หลังจากซื้อเครื่องเคราแห่งจักรยานใส่ลงไปตามที่เห็นสมควร (เช่นอานนุ่มก้น..นี่เกือบจะซื้อกางเกงที่ผลิตออกมาสำหรับขี่โดยเฉพาะเสียแล้ว ดีที่ยั้งใจไว้ก่อน, ตะแกรงหลัง—ที่กำลังคิดหากระเป๋าเหมาะๆมาแขวนเพื่อใส่ข้าวของจำเป็นสำหรับการเดินทาง ส่วนขาตั้ง คิดว่าไม่จำเป็นต้องซื้อ—ใช่แล้วครับ ถ้าจะเอาขาตั้งก็ต้องซื้อต่างหาก—นี่แสดงให้เห็นว่าวิธีคิดแบบกลไก-แยกส่วนที่ครองความคิดพวกตะวันตกนั้นยังมีอยู่จริง…สำหรับชาวไทยจักรยานที่ไม่มีขาตั้ง เท่ากับยังไม่เป็นจักรยานที่แท้—และเพื่อความปลอดภัยของรถใหม่จึงลงทุนซื้อกุญแจอีกสามดอก อันหนึ่งเพื่อล็อคล้อหลังกับตัวรถ อีกอันล็อคล้อหน้ากับที่จอดส่วนอีกอันก็เอาไว้ล็อคอานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องหอบอานไปใหนต่อใหนด้วย

คราวนี้ก็ได้เวลาสำรวจปารีสด้วยมุมมองใหม่ นับจากเช้าถึงเย็นย่ำของฤดูร้อน

ปารีสโฉมใหม่ก็ปรากฏต่อสายตา ต้นเชสนัตสีเขียวๆ สองข้างถนนเลื่อนผ่านเราไปอย่างช้าๆ ตามแรงปั่น

เนินสูงต่ำขนาดกำลังพอเหมาะของเมืองปารีส แดดสดใส อากาศสดชื่นและแสงระยิบระยับของแม่น้ำขณะถีบข้ามสะพาน

โน่นเป็นแสงวิบวับจากเรือนร่างสะโอดสะองของหอไอเฟิล

ตรงโน้นเป็นแสงสุกปลั่งของยอดโดมแองวาลิด

และนั่นเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในปารีสที่ยังไม่เคยมีใครบันทึกไว้…ดังนี้เป็นต้น