วิมลรัตน์ รุกขวรกุล: ผู้พิทักษ์สัญญาให้เป็นสัญญา


วิมลรัตน์ รุกขวรกุล


วิมลรัตน์ รุกขวรกุล

เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาบัณฑิต
ปีการศึกษา 2542

บทสัมภาษณ์จากเว็บไซต์ http://www.socant.com/index.php?mo=14&newsid=61109

สวัสดีครับพี่ แนะนำตัวหน่อยครับ
ชื่อ นกแล วิมลรัตน์ รุกขวรกุล รุ่น 33 รหัส 39 เอกมานุษฯตอนที่พี่เอ็นท์เข้ามา ของพี่สอบครั้งเดียวเลยใช่มั้ยครับ พี่กลัวมั้ยครับสมัยพี่ เอ็นท์ฯ ครั้งเดียว ไม่ติดก็ต้องรอปีหน้า เลยทำให้ต้องอ่านหนังสือเยอะ แต่ไม่เคยไปเรียนกวดวิชาเตรียมเอ็นท์ที่ไหน เพราะแค่เราตั้งใจเรียนในห้อง และขยันอ่านหนังสือ พี่ว่าพอแล้วตอนเอ็นท์ฯ พี่ไม่เครียด เพราะปีก่อนเอ็นท์ติดมารอบนึง แต่ไม่เอา ไม่ชอบตอนเอ็นท์ครั้งสุดท้ายพี่ลงธรรมศาสตร์หมดเลย 4 อันดับ จะแหกคอกหน่อยๆเพราะโรงเรียนพี่ที่เตรียมอุดมส่วนใหญ่เค้าจะเลือกจุฬาฯหมด แต่ตอนนั้นกลุ่มพี่ชอบธรรมศาสตร์ แอนตี้จุฬาฯ (มันเป็นความรู้สึกสมัยนั้นอ่ะ)

พี่เลือกสังวิดเป็นอันดับที่เท่าไหร่ครับ
ตอนเอ็นท์ พี่เลือกเองสามอันดับแรก รัฐศาสตร์ วารสาร ศิลปศาสตร์ สังคมวิทยาเป็นอันดับสุดท้าย เพื่อนเลือกให้ มันเป็นคนแปะโค้ดลงในใบสมัครเอ็นท์ พี่เลยไม่รู้ว่ามันเลือกอะไรให้พอใบประกาศผลเอ็นท์มาที่บ้าน คณะไรฟะ กรูเลือกด้วยเหรอเนี่ยเสียใจป่ะที่ติดสังวิดร้องไห้ชิบอ๋ายเลย… เฮ้ย..ไม่ได้ล้อเล่นนะตอนนั้นร้องไห้จริงๆ ไม่กินข้าวสองวันเต็มๆ ป่วยมาก พ่อแม่กลุ้มใจร้องไห้เพราะ…เพื่อน ทุกคนติดวารสาร แล้วเราคณะไรไม่รู้จัก ไม่ได้เลือกแล้วก็เพื่อนที่วารสารน่ะแหละ ไปขุดมาจากบ้าน พามาส่งให้พี่ที่คณะ เค้ากำลังแรกพบคณะกันอยู่จำได้ว่ามีพี่มาคุยด้วย พี่ป๋อง พี่เด่น พี่ดุ๊ก พี่จ๋อม รุ่น 31 แล้วก็พี่ทราย พี่อ้อม รุ่น 32 จากนั้นก็ระเริงอยู่ในคณะ ไม่เคยคิดเอ็นท์ใหม่อีกเลย และพูดได้เต็มปากว่า ดีใจที่ติดคณะนี้

ได้ข่าวว่าพี่ทำกิจกรรมเยอะมาก แต่การเรียนก็ไม่เสีย พี่บริหารเวลายังไงครับ
อ้าว.. พี่ไปเรียนด้วยเหรอ นึกว่าพี่ไปทำกิจกรรมอย่างเดียวเท่าที่จำได้ พี่ทำกิจกรรมตั้งแต่ปี 1
เริ่มแรกก็เป็นประธานนศ.ปี1 ทำงานให้คณะแล้วก็โดนพวกพี่ยุ้ยจุก พี่หยอย ลากเข้าชุมนุมเชียร์ตั้งแต่ปี 1 นั่งเขียนป้ายผ้า คัทเอาท์ทั้งคืนแล้วยังถูกลากไปเป็นพิธีกรพวกงานกีฬาย่อยๆ งานกีฬาต้านยาเสพติด บางทีก็งานซ้อมเชียร์ย่อยงานหลักยังไม่ทิ้ง ยังทำงานคณะมาตลอด เปลี่ยนหน้าที่มาเรื่อยๆพร้อมๆกับภาระรับผิดชอบที่ชุมนุมเชียร์ก็มากขึ้นทุกวันแล้วยังงานค่ายอาสาฯอีก ทำมาสองค่าย แล้วก็แอบตามน้องเม บ๋อม ไปร่วมแจมค่ายตอนปีสี่ที่น่านอีกรอบยังไม่นับค่ายโบราณคดี ที่อ.ปฐมฤกษ์บุกเบิกไว้ให้อีกเออ ฟังๆดูแล้ว พี่กิจกรรมเยอะว่ะ เรียนรอดมาได้ไงจริงๆ แล้ว พี่ขึ้นเรียนนะ มีวินัยพอสมควร ถึงจะขึ้นไปหลับบ่อยๆก็เหอะอย่างน้อยอาจารย์เห็นหน้าบ่อยๆ จะได้เมตตาเราบ้างเคยถูกเพื่อนลากจากห้องโค้ด ชุมนุมเชียร์ มาเข้าเรียนตอนเก้าโมงเช้ายังใส่กางเกงเลอยู่เลย น้ำไม่ได้อาบ แปรงฟันอย่างเดียว แต่คนมันใฝ่เรียนน่ะ ทำไงได้ พี่เอกมานุษฯนะ แต่เสือกรีเกรดวิชามานุษยวิทยาเบื้องต้น ไม่น่าเชื่อ กรูทำไปได้.เกรดพี่ 2.60 น้อยนะแต่พี่ภูมิใจ

พี่ช่วยเล่าบรรยากาศตอนไปออกค่ายให้ฟังหน่อยสิ
ไปค่ายสนุกมากพี่ได้เพื่อนที่ดีที่สุดกลับมา ทั้งจากค่ายอุ้มผาง และค่ายแม่แจ่ม ตอนจะขึ้นปี 2 ได้ไปทำค่ายที่อุ้มผางไปเป็นฝ่ายสวัสดิการ ทำกับข้าวน่ะ ตลอดค่ายทำแม่งแต่กับข้าว ไอ้ปีด ไอ้กุลมันสั่ง มึงทำกับข้าวไป!! คือบรรยากาศมันไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟ พี่ต้องตื่นตีห้า ไปนั่งหั่นผัก หั่นไก่ ที่โรงอาหารโรงเรียน มืดก็มืด ผีก็กลัว พึ่งเพื่อนก็ไม่ได้ มันกลัวผีมากกว่าพี่เพื่อนแม่งตอนแรกๆก็บ่น น้ำพริกมึงเผ็ดมาก ราดหน้ามึงเหนียวไป ทำไมไก่มึงชิ้นเล็กวะตอบได้อย่างเดียว… กินไม่ได้ ก็ไม่ต้องกิน กูทำสุดฝีมือได้แค่นี้โว้ยแล้วมันก็เลิกบ่นไปเอง คาดว่ามันคงทำใจได้ หรือไม่ก็ไม่มีแรงบ่นทำค่ายสร้างน่ะ ตอนกลางวันพวกเราคงรู้อยู่ งานมันหนัก ใช้แรงงานผสมปูน ขนทราย เลื่อยไม้ ยังสงสัยอยู่ว่า เพื่อนพี่ อดีตต้องเคยทำงานก่อสร้างมาแน่ๆ แล้วเรียนหนังสือเป็นงานอดิเรกทุกคนเหนื่อยหมด ยกเว้นไอ้ประธานค่าย ปากหวานอู้กำเมืองใส่ผู้สาวตึ่งวัน

มีเรื่องฮาๆ บ้างไหมครับ
เรื่องฮาๆ ของพวกพี่ มักจะเกิดขึ้นสองเวลา หนึ่งคือ เวลากินเหล้า และสอง เวลาเตะบอลน้องๆ ที่ทันรุ่นกัน จะคุ้นตาพี่ อย่างน้อยต้องเคยเห็นพี่เตะบอลอยู่ สมัยนั้น พี่จะเป็น “หญิงสาวสวย” คนเดียว ที่เตะบอลในหมู่ผู้ชายคณะเรา ซึ่งส่วนใหญ่หน้าตาไม่ค่อยดีและส่วนใหญ่เพื่อนมันให้เล่นแบ็ค มันหาว่าพี่ขาใหญ่ ให้เอาขาไปกันไว้แต่ไม่เคยเป็นประตูนะ เพราะสายตาไม่ดีเวลาเตะบอล พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะแหกปากถ่มถุยกันไปทำไม เตะบอลก็เหนื่อยอยู่แล้วส่วนเวลากินเหล้า พวกเพื่อนพี่มันจะเริ่ม “มีปากไว้ถากถาง” แรกๆไม่ได้เป็นทุกคน แต่นานๆเข้า เพื่อป้องกันตัวไม่ให้โดนกัด จึงจำเป็นต้องลับฝีปากกันทุกคนในวงเหล้า การเยาะเย้ยถากถางเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ เกรดแต่ละวิชาใครได้สูงกว่า อาจารย์นันทาด่าใครมากที่สุด ใครลอกรายงานใคร เลยไปจนถึง บรรพบุรุษใครเดินทางมาไกลกว่ากัน จบลงที่ใครกินเหล้าเปลืองกับที่สุดสุดท้าย คนที่ชนะ คือคนที่เถียงใครไม่เคยทัน แต่พอดีมันได้พูดคนสุดท้าย ตอนนี้มันกลับเชียงรายไปแล้วถึงพวกพี่จะชอบกัดกัน ทำนองว่าถ้าใครพลาดโดนงับหัว แต่ความจริงเรารักกันมากนะ

พี่เรียนจบแล้วได้ต่อ ป.โท หรือเปล่าครับ
ต่อ ป.โทวารสารฯ ธรรมศาสตร์ เรียนจบแล้ว วิชาความรู้เข้มข้นมาก เพราะใช้เวลาเรียนตั้งหกปี

ตอนนี้พี่ทำงานอยู่ที่ไหนครับ
พี่เป็นข้าราชการ ตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน” อยู่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สคบ.) ลักษณะงานคล้ายตำรวจ แต่ตำรวจเขาเรียกพนักงานสืบสวนหน้าที่เหมือนกัน คือรับเรื่องที่ประชาขนเขาเดือดร้อน ต่างกันตรงที่ ตำรวจรับทางอาญา พี่รับทางแพ่งอาจสงสัยกันว่าใช้วิชาทำงานยังไง คือทุกคนต้องเรียนนิติศาสตร์เพิ่มน่ะ พี่เรียนนิติที่รามฯ งานดี เงินไม่ดี สวัสดิการต่ำ แต่ยังตั้งใจทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะดีใจเวลาช่วยคนเดือดร้อนได้ทำมาตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็แปดปีหกเดือน ทนทายาดที่สุดได้ทำงานที่นี่เพราะเพื่อน ตอนนั้นพี่สอบอาจารย์เตรียมทหาร ข้อเขียนได้ที่ 2 จากคนสอบร่วมสี่พัน แต่พอประกาศผลสัมภาษณ์ ไม่มีชื่อพี่ พี่เสียใจ แล้วไชยากับเพื่อนๆ ก็มาไซโคพี่ ลากพี่ไปสมัครสอบสุดท้ายก็กลายมาเป็นป้าเฝ้าสคบ.

พี่แล้วอย่างกรณีนมมีสารปนเปื้อนเมลามีนเนี่ย พี่ต้องเข้ามาดูแลด้วยหรือเปล่าครับ
นม หรืออาหาร อะไรก็ตามที่กินเข้าท้อง พี่ไม่เกี่ยว จะเป็นอย..กระทรวงสาธารณสุข ส่วนใหญ่สคบ.จะเน้น “สัญญาต้องเป็นสัญญา” คือ เราจะฟ้อง ถ้าใครผิดสัญญาเช่น สัญญาเช่าซื้อรถ บ้าน คอนโด บัตรเครดิต หรือโฆษณาว่าจะให้สิทธิแบบนี้ แต่ไม่ยอมให้ เราก็ฟ้อง เพราะโฆษณาถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาส่วนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ประปาไม่ไหล ไฟฟ้าโดนตัด ส่งซ่อมคอมแล้วไม่หาย ทะเลาะกับนายจ้าง
หรือ เครื่องซักผ้าไม่รับเคลมประกัน สคบ.ก็รับดำเนินการให้หมดน่ะแหละ เหมือนๆตำรวจน่ะ บางทีเราก็ยังงงๆว่านี่มันหน้าที่เราหรือเปล่าหว่า?หลายๆคนอาจยังสับสนกับหน้าที่ของสคบ. แต่ไม่เป็นไร โทรมาถามได้แล้วราคาสินค้าหล่ะครับ ข้าวแกงหน้าปากซอยบ้านผม ไม่เห็นลดเลยราคาสินค้าเป็นของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์จริงๆแล้ว คำว่าผู้บริโภคมันกว้าง… บางทีประชาชนนึกไรไม่ออก ก็จะนึกถึงสคบ.ก่อน เพราะชื่อมันตรงดีไม่เป็นไร ขั้นต้น สคบ.จะรับทุกเรื่อง อันไหนเป็นเรื่องของกรมอื่น เราไม่ทิ้ง เราจะส่งต่อให้

มีคนเคยบอกผมว่า จบสังวิดแล้วสมัครเป็นข้าราชการยาก อันนี้จริงเปล่าครับ
ไม่ยากหรอก เพียงแต่ต้องรอหน่อยตอนจะสมัคร เช็คดู ถ้าเขาระบุคุณสมบัติเป็น “วุฒิสังคมศาสตร์ทุกสาขา” ก็สอบได้แต่จริงๆ แล้ว ที่ระบุวุฒิโดยตรงเป็น “สังคมวิทยา” ก็เยอะนะ จำได้ว่ากรมราชทัณฑ์ก็รับไปแล้วกรมพี่ก็รับไปแล้วเมื่อต้นปีเองแต่ก่อนตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การทูต เขาไม่รับวุฒิสังคมวิทยานะตอนนั้นพี่ทำงานอยู่ สคบ.ปีแรก เคืองมาก ทำไมไม่ให้เราสอบเลยทำหนังสือร้องเรียนต่อ รมว.จุรินทร์ฯ (ในขณะนั้นควบคุมงานก.พ.และ สคบ.อยู่) ขอให้ก.พ. และกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาคุณสมบัติของคณะเราในที่สุด จะด้วยพละกำลังภายในของใครต่อไปอีกไม่ทราบได้ ผ่านไป 2 ปี คณะของเราจึงมีสิทธิสอบได้

ผมรู้มาว่า พี่น้องเราที่เป็นข้าราชการก็มีอยู่พอสมควรใช่มั้ยครับ แต่ยังขาดช่องทางติดต่อ พูดคุยกันในคณะ อันนี้พี่คิดว่า สมาคมฯ เราจะช่วยยังไงได้บ้างครับ
ช่วยจัดงานคืนสู่เหย้าไงแล้วก็ PR ให้ทั่วถึง จะได้มากันเยอะๆ พอมากันเยอะๆ ก็จะได้คุยกันเยอะๆ แลกเบอร์กัน ก็จะติดต่อกันได้เองอีกอย่าง ข้อมูลพี่ๆน้องๆแต่ละคน ว่าใครทำอะไรอยู่ที่ไหน จะช่วยได้มากเลย อย่างน้อยก็ช่วยน้องๆเวลาฝึกงานได้รุ่นพี่เองเป็นข้าราชการกันหลายคน ทั้งรัฐสภา กระทรวงการต่างประเทศ มหาดไทยจริงๆแล้ว ปีที่แล้วพี่เคยให้น้องๆ บอกต่อๆ กันนะ ว่ากรมพี่รับนศ.ฝึกงาน
แต่ข่าวมันคงไม่ทั่วถึงมั้ง มหาวิทยาลัยอื่นเลยเอาไปกิน ไม่ถึงธรรมศาสตร์ซะทีคณะเราน่าลองไปฝึกงานที่กรมพี่นะ ได้ใช้เทคนิคที่เรียนไปเยอะเลยแหละ เช่น เวลาเจรจากับกลุ่มคนที่ได้รับความเดือนร้อน ทำยังไงไม่ให้เขารู้สึกว่าเขาเป็น marginality ของสังคมคนที่มาจาก status แบบนี้ เราจะคุยยังไง โน้มน้าวยังไง ให้เรื่องจบโดยการไกล่เกลี่ย ไม่ใช่การฟ้องร้อง เพราะการฟ้องไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เป็นต้น

สุดท้ายอยากให้พี่ฝากอะไรถึงพี่น้องชาวเว็บ socant.com ของเราหน่อยครับ
ฝากถึงน้องๆ ที่เรียนอยู่ ว่าตั้งใจเรียนแล้ว ก็อย่าลืมแบ่งเวลามาทำกิจกรรมบ้างนะเรียนแล้วได้ความรู้ ทำกิจกรรมแล้วได้ประสบการณ์ ความรู้ดำเนินคู่กับประสบการณ์ ดีจะตาย ฝากถึงน้องๆ ที่จบแล้ว ใครรู้จักพี่ เจอพี่ ก็ทักบ้าง พี่ตาไม่ดี ถ้าเรียกแล้วพี่ไม่เห็น อนุญาตให้ดึงหูได้พี่หงอยเหงาเหลือเกิน อยากไปงานรับน้อง แต่ไม่กล้าไป เพราะไม่รู้จักน้องใหม่ๆ.ฝากถึงพี่ๆ พวกพี่หายไปไหนกันหมด แก่กันแล้วหรือไร คิดถึง…ฝากถึงเพื่อนๆ คำเดียว “ฉันยังอยู่”